คำนวณน้ำหนักบานประตูให้ถูกต้อง เลือกประตูเลื่อนอัตโนมัติได้อย่างมั่นใจ

ในยุคปัจจุบันที่ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกใช้ ประตูอัตโนมัติ หรือ ประตูเลื่อนอัตโนมัติ กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า หรือบ้านพักอาศัย แต่เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมการคำนวณน้ำหนักของบานประตูถึงมีความสำคัญต่อการเลือกใช้ระบบประตูเลื่อนอัตโนมัติที่เหมาะสม? ถ้าคุณต้องการให้ประตูของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและยาวนาน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักวิธีการคำนวณน้ำหนักบานประตูแต่ละประเภทแบบสนุกและเข้าใจง่าย!

ทำไมต้องคำนวณน้ำหนักบานประตู?

น้ำหนักของบานประตูเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกใช้มอเตอร์สำหรับ ประตูอัตโนมัติ การที่บานประตูมีน้ำหนักมากเกินกว่าที่มอเตอร์จะรองรับได้จะทำให้มอเตอร์ต้องทำงานหนัก ส่งผลให้ระบบเสื่อมสภาพเร็ว และทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานได้

เพราะฉะนั้น การคำนวณน้ำหนักบานประตูที่ถูกต้องช่วยให้คุณสามารถเลือกเครื่องเปิด-ปิด ประตูเลื่อนอัตโนมัติ ที่เหมาะสมที่สุดได้ เพื่อให้ระบบทำงานได้อย่างราบรื่นและมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น

สูตรคำนวณน้ำหนักบานประตู

การคำนวณน้ำหนักของบานประตูไม่ยากอย่างที่คิด! สูตรที่ใช้คือ:

น้ำหนัก=ความหนาแน่นของวัสดุ×ปริมาตร

ซึ่งปริมาตรของบานประตูคำนวณได้จาก:

ปริมาตร=ความกว้าง×ความสูง×ความหนา

ทีนี้เรามาดูกันว่าวัสดุแต่ละประเภทที่ใช้ทำบานประตูมีน้ำหนักต่างกันอย่างไร และเราควรเลือกใช้ ประตูเลื่อนอัตโนมัติ อย่างไรให้เหมาะสมกับน้ำหนักของบานประตูแต่ละชนิด

  1. บานประตูกระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass Door) — สวยงามและแข็งแรง

กระจกเทมเปอร์เป็นวัสดุยอดนิยมที่ใช้ในประตูอัตโนมัติ เนื่องจากให้ความหรูหราและแข็งแรง แต่ก็มีน้ำหนักพอสมควร โดยความหนาแน่นของกระจกเทมเปอร์อยู่ที่ประมาณ 2,500 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร

ตัวอย่างการคำนวณ: หากบานประตูกระจกเทมเปอร์มีขนาดกว้าง 1 เมตร, สูง 2 เมตร, และหนา 10 มิลลิเมตร (0.01 เมตร):

ปริมาตร=1×2×0.01=0.02 ลูกบาศก์เมตร

น้ำหนัก=2,500×0.02=50 กิโลกรัม

บานกระจกเทมเปอร์ขนาดนี้จะมีน้ำหนักประมาณ 50 กิโลกรัม ซึ่งการเลือกมอเตอร์สำหรับ ประตูเลื่อนอัตโนมัติ ควรรองรับน้ำหนักมากกว่า 50 กิโลกรัมขึ้นไป

  1. บานประตูกระจกเฟรมอลูมิเนียม (Aluminum Frame Glass Door) — เบาแต่แข็งแรง

บานประตูกระจกเฟรมอลูมิเนียมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกยอดนิยม เพราะน้ำหนักเบากว่า แต่ยังคงความแข็งแรง ความหนาแน่นของอลูมิเนียมอยู่ที่ประมาณ 2,700 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร และความหนาแน่นของกระจกอยู่ที่ 2,500 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร

การคำนวณ: การคำนวณน้ำหนักจะต้องแยกน้ำหนักของกระจกและเฟรมอลูมิเนียมออกจากกัน จากนั้นจึงรวมเข้าด้วยกัน

  1. บานประตูไม้ (Wooden Door) — คลาสสิกและหลากหลาย

ไม้เป็นวัสดุที่มีความหลากหลายในการใช้งาน ทั้งในบ้านพักและสถานที่ต่างๆ ความหนาแน่นของไม้แต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะสมกับระบบ ประตูเลื่อนอัตโนมัติ ดังนี้:

  • ไม้สัก: ความหนาแน่น 600-750 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร
  • ไม้มะค่า: ความหนาแน่น 800-1,000 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร
  • ไม้แดง: ความหนาแน่น 850-1,100 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร

ตัวอย่างการคำนวณ: หากใช้ไม้สักขนาดกว้าง 1 เมตร, สูง 2 เมตร, และหนา 3 เซนติเมตร (0.03 เมตร):

ปริมาตร=1×2×0.03=0.06 ลูกบาศก์เมตร

น้ำหนัก=700×0.06=42 กิโลกรัม

บานไม้สักขนาดนี้จะมีน้ำหนักประมาณ 42 กิโลกรัม ซึ่งเหมาะสำหรับระบบประตูเลื่อนอัตโนมัติที่สามารถรองรับน้ำหนักในช่วงนี้ได้

  1. บานประตูเหล็ก (Steel Door) — แข็งแกร่งแต่หนัก

เหล็กเป็นวัสดุที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้บานประตูเหล็กมีน้ำหนักมาก ความหนาแน่นของเหล็กอยู่ที่ 7,850 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร

ตัวอย่างการคำนวณ: หากบานประตูเหล็กมีขนาดกว้าง 1 เมตร, สูง 2 เมตร, หนา 2 มิลลิเมตร (0.002 เมตร):

ปริมาตร=1×2×0.002=0.004 ลูกบาศก์เมตร

น้ำหนัก=7,850×0.004=31.4 กิโลกรัม

บานเหล็กนี้จะมีน้ำหนักประมาณ 31.4 กิโลกรัม

  1. บานประตู ISO Wall — น้ำหนักเบาแต่มีประสิทธิภาพ

บานประตู ISO Wall มักใช้ในโรงงานหรือคลังสินค้า โดยภายในเป็นฉนวนโฟม PU และมีแผ่นเหล็กบางเคลือบอยู่ทั้งสองด้าน ทำให้น้ำหนักเบาแต่ทนทาน

  • ความหนาแน่นของโฟม PU: 32-45 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร
  • ความหนาแน่นของแผ่นเหล็ก: 7,850 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร

ตัวอย่างการคำนวณ: หากบาน ISO Wall กว้าง 1 เมตร, สูง 2 เมตร, หนา 5 เซนติเมตร โดยแบ่งเป็นโฟม PU หนา 4 เซนติเมตรและแผ่นเหล็กหนา 0.5 มิลลิเมตรทั้งสองด้าน:

น้ำหนักโฟม PU=40×0.08=3.2 กิโลกรัม

น้ำหนักแผ่นเหล็ก=7,850×0.002=15.7 กิโลกรัม

น้ำหนักรวม: ประมาณ 18.9 กิโลกรัม

เลือกประตูอัตโนมัติให้เหมาะกับน้ำหนักบานประตู

การคำนวณน้ำหนักบานประตูอย่างถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญในการเลือกใช้ ประตูเลื่อนอัตโนมัติ ที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งานของมอเตอร์แล้ว ยังช่วยให้ประตูทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานอีกด้วย

 
 

เนื้อหาน่าสนใจเพิ่มเติม

Scroll to Top