หากคุณกำลังมองหา อุปกรณ์สั่งเปิดประตูอัตโนมัติ (Automatic Door Activation Devices) เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยให้กับสถานที่ของคุณ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสมกับประเภทของอาคารและการใช้งาน

ในบทความนี้ เราจะมา รวบรวมอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้สำหรับสั่งเปิดประตูอัตโนมัติ พร้อมข้อดี-ข้อเสียของแต่ละประเภท เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น!

📌 อุปกรณ์สั่งเปิดประตูอัตโนมัติทั้งหมด

1. เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Sensor)

🔹 การทำงาน:

• ตรวจจับการเคลื่อนไหวของคนหรือวัตถุที่อยู่ใกล้เซ็นเซอร์ แล้วส่งสัญญาณไปที่ระบบเปิดประตู

🔹 ข้อดี:
✔ เปิดอัตโนมัติ ไม่ต้องสัมผัส
✔ ลดการแพร่กระจายเชื้อโรค
✔ ตอบสนองรวดเร็ว

🔹 ข้อเสีย:
✘ อาจเปิดโดยไม่ตั้งใจ หากมีสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ใกล้
✘ ใช้พลังงานมากกว่าระบบอื่น

🛠 เหมาะกับ:
✅ ห้างสรรพสินค้า
✅ โรงพยาบาล
✅ สนามบิน

2. ปุ่มกดเปิดประตู (Push Button Switch)

🔘 การทำงาน:

• ผู้ใช้ต้องกดปุ่มเพื่อเปิดประตู

🔹 ข้อดี:
✔ ควบคุมการเปิดเอง ลดปัญหาประตูเปิดเอง
✔ ราคาประหยัด ติดตั้งง่าย

🔹 ข้อเสีย:
✘ ต้องสัมผัส อาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโรค
✘ ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้รถเข็น

🛠 เหมาะกับ:
✅ ห้องประชุม
✅ โรงแรม
✅ ร้านอาหาร

3. ปุ่มกดแบบไร้สัมผัส (Touchless Sensor Switch)

🖐 การทำงาน:

• ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับมือหรือวัตถุใกล้ปุ่ม โดยไม่ต้องสัมผัส

🔹 ข้อดี:
✔ ลดการสัมผัส ลดความเสี่ยงของเชื้อโรค
✔ ใช้งานง่าย แค่โบกมือใกล้เซ็นเซอร์

🔹 ข้อเสีย:
✘ อาจเปิดโดยไม่ตั้งใจ หากมีสิ่งรบกวน
✘ ราคาสูงกว่าปุ่มกดทั่วไป

🛠 เหมาะกับ:
✅ โรงพยาบาล
✅ โรงงานผลิตอาหาร
✅ ห้องปลอดเชื้อ

4. รีโมทคอนโทรล (Remote Control)

🎛 การทำงาน:

• ควบคุมการเปิดประตูจากระยะไกลผ่านสัญญาณไร้สาย

🔹 ข้อดี:
✔ ควบคุมการเปิดจากระยะไกลได้
✔ ใช้งานง่าย

🔹 ข้อเสีย:
✘ อาจสูญหายได้ง่าย
✘ มีข้อจำกัดเรื่องระยะส่งสัญญาณ

🛠 เหมาะกับ:
✅ อาคารสำนักงาน
✅ คอนโดมิเนียม
✅ โรงแรม

5. ระบบควบคุมการเข้าออก (Access Control)

🔑 การทำงาน:

• ใช้บัตร RFID, คีย์การ์ด, สแกนนิ้ว, แสกนใบหน้า หรือรหัสผ่านเพื่อสั่งเปิดประตู

🔹 ข้อดี:
✔ ควบคุมการเข้าออกได้อย่างปลอดภัย
✔ รองรับการบันทึกข้อมูล

🔹 ข้อเสีย:
✘ ค่าใช้จ่ายสูง
✘ ต้องบำรุงรักษาระบบ

🛠 เหมาะกับ:
✅ โรงงาน
✅ โรงแรม
✅ อาคารสำนักงาน

6. แผ่นเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงกด (Pressure Sensor)

🚶‍♂️ การทำงาน:

• แผ่นเซ็นเซอร์จะตรวจจับแรงกดจากการเหยียบ แล้วส่งสัญญาณเปิดประตู

🔹 ข้อดี:
✔ เปิดเฉพาะเมื่อมีคนเหยียบ ลดปัญหาประตูเปิดเอง
✔ เหมาะกับผู้ที่ใช้รถเข็น

🔹 ข้อเสีย:
✘ อาจเกิดความล่าช้า
✘ ค่าใช้จ่ายสูง

🛠 เหมาะกับ:
✅ โรงพยาบาล
✅ สถานพยาบาล
✅ อาคารผู้สูงอายุ

7. Key Switch (กุญแจเปิดประตู)

🔑 การทำงาน:

• ใช้กุญแจหมุนเพื่อเปิดประตู

🔹 ข้อดี:
✔ ควบคุมได้เฉพาะคนที่มีสิทธิ์เข้าออก
✔ ปลอดภัยจากการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต

🔹 ข้อเสีย:
✘ ต้องใช้กุญแจ ซึ่งอาจสูญหายได้
✘ ไม่สะดวกสำหรับการเข้าออกบ่อยๆ

🛠 เหมาะกับ:
✅ ห้องควบคุม
✅ โรงงาน
✅ พื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง

8. Foot Switch (สวิตช์เปิดประตูด้วยเท้า)

👣 การทำงาน:

• ใช้เท้าเหยียบเพื่อเปิดประตู

🔹 ข้อดี:
✔ ไม่ต้องใช้มือสัมผัส ลดความเสี่ยงของเชื้อโรค
✔ ใช้งานง่าย

🔹 ข้อเสีย:
✘ อาจต้องออกแรงเหยียบมากกว่าปกติ
✘ ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีคนเดินผ่านบ่อยๆ

🛠 เหมาะกับ:
✅ โรงงาน
✅ ห้องปลอดเชื้อ
✅ ห้องแปรรูปอาหาร

9. ระบบสั่งงานด้วยเสียง (Voice Command)

🎤 การทำงาน:

• ใช้คำสั่งเสียงเพื่อเปิดประตู เช่น “เปิดประตู”

🔹 ข้อดี:
✔ ใช้งานง่าย ไม่ต้องสัมผัส
✔ เหมาะสำหรับผู้พิการหรือผู้สูงอายุ

🔹 ข้อเสีย:
✘ อาจมีปัญหาหากเสียงรบกวนเยอะ
✘ ยังไม่แพร่หลายในตลาด

🛠 เหมาะกับ:
✅ บ้านอัจฉริยะ
✅ สถานพยาบาล

10. แอปพลิเคชันมือถือ (Mobile App)

📱 การทำงาน:

• ใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนเพื่อสั่งเปิดประตู

🔹 ข้อดี:
✔ ควบคุมจากที่ไหนก็ได้
✔ เหมาะกับอาคารอัจฉริยะ

🔹 ข้อเสีย:
✘ ต้องใช้สมาร์ทโฟน
✘ อาจมีความล่าช้าหากอินเทอร์เน็ตช้า

🛠 เหมาะกับ:
✅ บ้านอัจฉริยะ
✅ คอนโดมิเนียม
✅ อาคารสำนักงาน

📌 สรุป: เลือกอุปกรณ์สั่งเปิดประตูอัตโนมัติให้เหมาะกับการใช้งาน

อุปกรณ์สั่งเปิดประตูอัตโนมัติแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน การเลือกใช้งานต้องพิจารณาตามลักษณะของสถานที่และความต้องการของผู้ใช้งาน

• เน้นความสะดวกและลดการสัมผัส 👉 เหมาะกับ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว หรือปุ่มกดไร้สัมผัส
• ต้องการความปลอดภัยสูง 👉 ระบบ Access Control หรือ Key Switch ควบคุมการเข้าออกได้ดี
• ต้องการควบคุมระยะไกล 👉 ใช้ รีโมทคอนโทรล หรือแอปพลิเคชัน

ONYX Automatic Door พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ ไม่ว่าจะเป็น ระบบประตูสำหรับอาคารพาณิชย์ โรงงาน หรือสถานที่เฉพาะทาง เพื่อให้การใช้งาน สะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด 😊✨