วิธีเช็ก สภาพคล่องของกิจการร้านอาหาร ที่เจ้าของร้านต้องรู้
หนึ่งสาเหตุที่ทำให้ร้านอาหารหลายร้านไปไม่รอด เพราะมีเงินสดหมุนเวียนในกิจการไม่เพียงพอ แม้ว่าดูเผินๆ เหมือนจะมีรายรับเข้ามาเยอะ แต่พอมาดูฝั่งรายจ่ายแล้ว กลายเป็นว่าเงินติดลบ แถมยังมีเงินเหลือสำหรับดำเนินกิจการต่อไปได้แค่ไม่กี่เดือน เรียกง่ายๆ ว่า เงินตึงมือ หรือขาด สภาพคล่องของกิจการร้านอาหาร นั่นเอง
สภาพคล่องของกิจการร้านอาหาร นอกจากจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกิจการของเราได้แล้ว ยังช่วยประเมินความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้อีกด้วย ร้านไหนที่มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ก็แปลได้ว่า ร้านนั้นอาจมีเงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรงพนักงาน ค่าวัตถุดิบ หรือแม้กระทั่งจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งอาจนำไปสู่จุดจบของร้านอาหารได้
บทความนี้จะพาเจ้าของร้าน มาเช็ก สภาพคล่องของกิจการร้านอาหาร เพื่อให้มองเห็นอนาคตของกิจการ หากมีความเสี่ยง จะได้หาทางปรับปรุงแก้ไขได้ทัน
วิธีเช็กสภาพคล่องของกิจการร้านอาหาร
การเช็กสภาพคล่องของกิจการร้านอาหาร มีสูตรดังนี้
อัตราส่วนสภาพคล่อง = สินทรัพย์หมุนเวียน / หนี้สินหมุนเวียน
ก่อนจะเริ่มต้นคำนวณ ลองมาทำความเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้กันก่อน
- อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio)= ความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น หากค่าที่คำนวณสูง (เกินกว่า 2 เท่า) แปลว่า กิจการมีความคล่องตัวในการชำระหนี้ระยะสั้นค่อนข้างมาก
- สินทรัพย์หมุนเวียน= สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง หรือสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ไว (ภายใน 1 ปี) ตัวอย่างสินทรัพย์หมุนเวียนสำหรับร้านอาหาร เช่น เงินสด เงินที่อยู่ในบัญชีธนาคาร รวมถึงสินค้าคงเหลือต่างๆ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม หรือวัตถุดิบในสต็อก
- หนี้สินหมุนเวียน= หนี้สินระยะสั้นที่ ที่มีรอบชำระไม่เกิน 1 รอบบัญชี หรือในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่เริ่มเป็นหนี้ ตัวอย่างหนี้สินหมุนเวียนสำหรับร้านอาหาร เช่น ค่าเช่าที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรง รวมทั้งค่าวัตถุดิบต่างๆ ที่เราซื้อด้วยเงินเชื่อ
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติร้านอาหารของเรามีสินทรัพย์หมุนเวียน 200,000 บาท และมีหนี้สินหมุนเวียน 80,000 บาท ให้นำตัวเลขมาคำนวณตามสูตร
200,000/80,000 เท่ากับร้านของเรามีอัตราส่วนสภาพคล่อง 2.5 เท่า ซึ่งถือว่า กิจการของเรามีความคล่องตัวในการชำระหนี้สั้นค่อนข้างมาก หรือมีความเสี่ยงต่ำด้านสภาพคล่องนั่นเอง
ทำอย่างไรเมื่อกิจการมีความเสี่ยงสูงด้านสภาพคล่อง
- ประมาณการรายจ่าย: สิ่งที่ต้องรีบทำเป็นอันดับแรก คือการตรวจสอบว่า รายจ่ายของร้านอาหารเรามีอะไรบ้าง
เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าโทรศัพท์ ค่าอุปกรณ์สำนักงาน ค่าทำการตลาด ค่าน้ำยาทำความสะอาด ค่าฉีดพ่นกำลังแมลง ค่ารับรองแขก ค่าวัสดุสิ้นเปลือง ค่าทำบัญชี ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี ค่าปรับ ค่าดอกเบี้ย ค่าซ่อมแซม ค่าบำรุงรักษา รวมไปถึงค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เช่น ค่าซื้อของไหว้เจ้าที่ ฯลฯ
- แบ่งบัญชีรายรับ: ขั้นตอนต่อมา เจ้าของร้านอาหารควรแบ่งบัญชีรายรับสำหรับโอนเงิน และเงินสดออกจากกัน เพื่อให้รู้ว่าเงินเข้ามาจากทางไหนเป็นจำนวนเท่าไหร่ และสามารถประมาณการรายได้ได้
- ประเมินความสามารถในการชำระเงิน: เมื่อรู้รายจ่ายและรายรับทั้งหมดแล้ว เจ้าของร้านก็สามารถประเมินต่อไปได้ว่า เรามีเงินพอใช้จ่ายแต่ละเดือนหรือไม่
- ควบคุมค่าใช้จ่าย: หากเงินเริ่มไม่เพียงพอ ก็จะได้มาดูต่อไปว่า ควรจะควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างไร หลักการในข้อนี้คือ พยายามลดรายจ่าย หรือชะลอการจ่ายเงินที่ไม่จำเป็นออกไป และเพิ่มกระแสเงินสดให้มากยิ่งขึ้น
- ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อย่างการปิดแอร์ในช่วงที่ลูกค้าเข้าร้านน้อย ตัดเมนูที่ขายไม่ดีออกไป
- นำวัตถุดิบที่มีอยู่ในครัวมาสร้างเป็นเมนูใหม่ที่ขายออกง่าย เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการสต็อกวัตถุดิบ และเพิ่มกระแสเงินสดในร้าน
- วางแผนสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่เพียงพอต่อยอดขาย เพื่อไม่ให้เงินไปจมอยู่แต่ในตู้แช่
รู้อย่างนี้แล้ว รีบมาเช็กสภาพคล่องของกิจการร้านอาหารกันเลย เพื่อไม่ให้กิจการของเราหยุดชะงักกลางคัน หรือปิดตัวลงไปอย่างน่าเสียดาย
ที่มา : torpenguin
ติดตั้งประตูเลื่อนอัตโนมัติ
สำหรับ ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ออฟฟิศสำนักงาน บ้านพักอาศัย
บริการครอบคลุมทั่ว 77 จังหวัด
ปรึกษาปัญหาหรือคำแนะนำไม่มีค่าใช้จ่าย
– บริการติดตั้งประตูใหม่ และ ประตูเก่า
– บริการซ่อมแซม บำรุงรักษา ตรวจเช็คการทำงานของประตู
– บริการออกแบบเพื่อให้สวยงาม เหมาะสมกับการใช้งานและสถานที่
ลูกค้าสามารถแจ้งวันเวลาเพื่อให้พนักงานบริการเข้าให้คำปรึกษาแนะนำได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
เรายินดีให้บริการ
ONYX Automatic Door
สอบถามรายละเอียดฝ่ายบริการลูกค้าสัมพันธ์
☎️ 062-395-5561